การอัปเกรดเครือข่ายของ LTC Foundation ครั้งล่าสุดนั้นได้สร้างปัญหาครั้งยิ่งใหญ่ให้กับวงการตลาดแลกเปลี่ยนในประเทศเกาหลีใต้ในวงกว้าง จนทำให้แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโตเคอร์เรนซีรายใหญ่ในสาธารณรัฐเกาหลี หรือ เกาหลีใต้หลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็น Bithumb, Coinone และ Korbit โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดรายใหญ่อย่าง Upbit จำใจถอด Litecoin (LTC) ออกจากระบบไปเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน ที่ผ่านมา

ตามคำแถลงการณ์ของ Upbit เมื่อวานนี้ ได้มีการออกมาชี้แจงถึงสาเหตุในการถอดเหรียญ Litecoin ออกจากแพลตฟอร์ม โดยอ้างถึงข้อห้ามจากพระราชบัญญัติว่าด้วยเรื่องของการรายงาน และการนำข้อมูลการทำธุรกรรมทางการเงินในรูปแบบเฉพาะไปใช้ ที่ไม่อนุญาตให้ดำเนินการทำธุรกรรมใด ๆ ที่ไร้ซึ่งชื่อของผู้รับ และผู้โอน อย่างเด็ดขาด

นอกจากนั้นแล้ว การอัปเกรดเครือข่าย MimbleWimble (MWEB) ของ LTC Foundation ที่เคยถูกเปิดตัวออกมาในช่วงต้นปีนี้ หลังจากที่เคยยื่นข้อเสนอต่อชุมชนไปเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา ล่าสุด ทางเครือข่ายได้ดำเนินการอัปเกรดการทำธุรกรรมด้วยเหรียญ LTC ให้เกิดความเป็นส่วนตัวมากขึ้น ผ่านระบบการซ่อนตัวตน ส่งผลให้ขัดต่อพระราชบัญญัติฉบับข้างต้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ทางด้านแพลตฟอร์มรายใหญ่เองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจไปเสียทีเดียว ได้มีการติดต่อไปยัง LTC Foundation เพื่อขจัดข้อสงสัยของการอัปเกรดความเป็นส่วนตัวบนเครือข่ายในครั้งนี้ แต่ทว่าหลังจากที่ได้มีการเจรจา และตรวจสอบรายละเอียดต่าง ๆ อย่างถี่ถ้วน ทาง Upbit จึงได้ตัดสินใจที่จะยุติการให้บริการเหรียญดังกล่าวลง พร้อมประกาศให้ผู้ใช้งานบนแพลตฟอร์มทุกคนถอน LTC ออกจากกระเป๋าของตนเองภายในระยะเวลา 30 วันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยทางบริษัทได้ออกมากล่าวว่า

“ทางบริษัทตัดสินใจที่จะยกเลิกการรองรับการทำธุรกรรมแลกเปลี่ยนด้วยเหรียญ Litcoin (LTC) ลง เนื่องด้วยฟังก์ชันเสริมของเครือข่ายบางประการที่ไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลการทำธุรกรรมของผู้ใช้งานบนเครือข่ายได้ เนื่องด้วยการอัปเกรดครั้งใหม่ซึ่งขัดต่อข้อบังคับตามพระราชบัญญัติ Specific Financial Act”

แน่นอนว่า เมื่อการอัปเกรดในครั้งนี้นั้นผิดต่อกฎหมายคริปโตของประเทศเกาหลีใต้เข้าอย่างจัง ก็ได้ส่งผลให้แพลตฟอร์มคริปโตรายใหญ่หลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็น Bithumb, Coinone, Korbit และ Gopax เองก็ได้ออกมาร่วมเพิกถอนเหรียญ LTC ออกไปจากแพลตฟอร์มด้วยเช่นเดียวกัน พร้อมกันนี้ทางด้าน Upbit เองก็ได้เคยออกโรงเตือนบรรดานักลงทุนถึงความเสี่ยงในการทำธุรกรรมคริปโตที่อาจขัดต่อกฎหมายกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลภายในประเทศไปเมื่อสัปดาห์สุดท้ายของเดือนพฤษภาคม ที่ผ่านมาอีกด้วย