หลังจากที่ประเทศออสเตรเลียถูกโจมตีจากไวรัสเรียกค่าไถ่ ฝ่ายกฎหมายของประเทศจึงได้เริ่มมีการหารืออย่างจริงจังโดยจะมีการปรับบทลงโทษต่อผู้กระทำผิดให้หนักมากขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการโจมตีระลอกใหม่

รายงานจากหน่วยงานรัฐบาลออสเตรเลียเปิดเผยว่า ภาคธุรกิจของประเทศกำลังถูกโจมตีโดยอาชญากรไซเบอร์มากถึง 60 % ซึ่งคิดเป็นมูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจมากกว่า $1.4 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย โดยภาคธุรกิจขนาดใหญ่ในออสเตรเลียได้รับผลกระทบเป็นวงกว้างจากการโจมตีด้วยไวรัสเรียกค่าไถ่อยู่บ่อยครั้ง เหตุการณ์ที่ดังที่สุดก็คือ บริษัทแปรรูปเนื้อ JBS กว่า 47 แห่งทั่วประเทศไม่สามารถดำเนินกิจการได้หลังเจอกับไวรัสเรียกค่าไถ่

จากการหารือเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว ล่าสุดทางด้านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย Karen Andrews ได้ออกมาแถลงว่า มาตรการใหม่ครั้งนี้จะมุ่งเป้าไปที่อาชญากรออนไลน์และการติดตามอาชญากรผ่านทางบัญชีธนาคารเป็นหลัก โดยครอบคลุมไปถึงข้อมูลต่าง ๆ ที่ถูกขโมยไปจากไวรัสเรียกค่าไถ่ด้วย เพื่อคุ้มครองภาคธุรกิจของออสเตรเลียที่ถูกเล่นงานจากแฮกเกอร์ข้ามชาติ
ซึ่งมีแหล่งข่าวเปิดเผยว่า การโจมตีส่วนใหญ่มาจากประเทศรัสเซีย เป็นการขโมยข้อมูลก่อนที่จะยัดไวรัสเรียกค่าไถ่เอาไว้ในคริปโต โดยมัลแวร์ที่มีชื่อว่า REvil หรือ DarkSide

โดยแผนการรับมือไวรัสเรียกค่าไถ่ของออสเตรเรียนี้ จะให้อำนาจเจ้าหน้าที่รัฐเพื่อระงับการทำธุรกรรมทางการเงินด้วยเหรียญคริปโตเคอร์เรนซี่ที่มีส่วนเชื่อมโยงกับการก่ออาชญากรรมทางไซเบอร์ได้ ทั้งในและต่างประเทศ