เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (22 ตุลาคม) Jack Dorsey ซีอีโอของบริษัท Twitter และ Square ได้ทวีตเตือนถึงภาวะเงินเฟ้อรุนแรงที่กำลังจะเกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกาและทั่วโลกว่า “Hyperinflation is going to change everything, it’s happening.” หรือ “ภาวะเงินเฟ้อรุนแรงจะเปลี่ยนแปลงทุกสิ่ง และมันกำลังจะเกิดขึ้น” หลังจากที่ดัชนีราคาผู้บริโภคสหรัฐฯ พุ่งขึ้นใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 30 ปี

นอกจากนี้ Jerome Powell ประธานธนาคารกลางสหรัฐ ออกมายอมรับว่า แรงกดดันด้านเงินเฟ้อมีแนวโน้มที่จะคงอยู่นานกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ และจะดำเนินต่อในปีหน้า อย่างไรก็ตาม แม้ว่าหลายคนจะเห็นด้วยกับอัตราเงินเฟ้อที่จะเพิ่มขึ้น แต่ก็ยังไม่เห็นด้วยกับคำทำนายของ Dorsey

Daniel Drezner ศาสตราจารย์จาก Tufts University ผู้ที่เคยมีประสบการณ์กับภาวะเงินเฟ้อรุนแรงอย่างแท้จริง ขณะที่อาศัยอยู่ในยูเครนในช่วงต้นทศวรรษ 1990 ได้ออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยว่า “นี่ไม่ใช่ภาวะ hyperinflation”

ในขณะเดียวกัน Steve Hanke นักเศรษฐศาสตร์คนหนึ่งที่เคลมว่าตนเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเงินเฟ้อและภาวะ hyperinflation เผยว่า “ในประวัติศาสตร์โลกจากอดีตจนถึงตอนนี้ ภาวะเงินเฟ้อขั้นรุนแรงหรือ hyperinflation เกิดขึ้นเพียง 62 ครั้ง และปัจจุบันไม่มีประเทศใดต่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อขั้นรุนแรงทุกประเภท” พร้อมทั้งเผยว่า Dorsey ควรทวีตอย่างมีความรับผิดชอบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับข้อความสาธารณะ

Alex Gladstein หัวหน้าเจ้าหน้าที่ด้านกลยุทธ์ของมูลนิธิสิทธิมนุษยชน ยังคงเห็นด้วยกับ Dorsey โดยได้แสดงความคิดเห็นสนับสนุนทวีตของ Dorsey ว่า มีผู้ที่มีอภิสิทธิทางการเงินเพียงไม่กี่รายเท่านั้นที่จะตกใจกับข่าวนี้ และเสริมว่า ประชากรเกือบ 1.3 พันล้านคนอาศัยอยู่ภายใต้อัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นสองเท่า สามเท่า หรือ 4 เท่าในบางส่วนของโลก รวมถึงในไนจีเรีย อิหร่าน ตุรกี เอธิโอเปีย คิวบา ซูดาน เลบานอน เวเนซุเอลา และอื่นๆ อีกมากมาย ตามข้อมูลของ Gladstein เผยว่าโลกกำลังประสบกับวิกฤตเงินเฟ้อครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งของโลก