แรงขุดของ Ethereum เพิ่มขึ้นอีกครั้งและแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ (all-time high) เนื่องจากตลาดคริปโตเคอเรนซีเจอกับแรงขายอีกระลอกหนึ่งจากแนวโน้มความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นในตลาดการเงินโลก
อัตราแฮช (hash rate) ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของ Ethereum เกิดขึ้นตั้งแต่ฤดูร้อนปี 2021 เมื่อรัฐบาลจีนตัดสินใจที่จะเริ่มการปราบปรามการขุดคริปโต ซึ่งทำให้พลังการขุดสำหรับโปรโตคอล Proof-of-Work (PoW) ทั้งหมดลดลงอย่างรวดเร็ว
ในขณะเดียวกัน อัตราแฮชที่ลดลงอย่างรวดเร็วในปี 2021 ช่วยให้บิทคอยน์และสกุลเงินดิจิทัลอื่น ๆ หลีกเลี่ยงแรงขายที่มาจากผู้ขุดได้ และสร้างการขาดดุลอุปทานในตลาดคริปโตด้วย
ก่อนหน้านี้ นักพัฒนา Ethereum ได้ประกาศเปลี่ยนเครือข่ายเป็นโปรโตคอล PoS เร็วๆ นี้ ซึ่งจะเป็นการยุติขุดเหรียญโดยสิ้นเชิง validator จะเข้ามาแทนที่นักขุด
กล่าวคือ ETH 2.0 จะเปลี่ยนเศรษฐกิจในปัจจุบันโดยพื้นฐาน โดยการอัปเดต Ethereum จะลบแนวคิดของการขุดอย่างสมบูรณ์ ซึ่ง Ethereum จะมีการเปลี่ยนจากกลไก Proof-of-Work (PoW) ไปเป็น Proof-of-Stake (PoS) นั่นเอง
Proof of Work (PoW) คือกลไกในการแก้โจทย์ที่ระบบกำหนดมา เพื่อหาค่าสมการที่ถูกต้อง หรือเป็นระบบที่ใช้การขุดนั่นเอง ขณะที่ Proof of Stake (PoS) คืออัลกอริธึมที่ใช้สร้าง Consensus บนบล็อกเชน ผู้มีส่วนร่วมจะต้อง Stake เหรียญไว้ในระบบ และได้รับรางวัลเป็นเหรียญและสิทธิในการตรวจสอบธุรกรรม
ในปัจจุบัน ผู้ใช้ทุกคนในเครือข่ายสามารถเป็น validator ได้ โดยการโอนเงินไปยังสัญญา staking ใน Ethereum ซึ่งผู้ใช้จะต้องใช้ 32 ETH ไปยังสัญญาที่จะล็อคเงินเหล่านั้นจนกว่าผู้ใช้จะตัดสินใจถอน Ether ของตนออกจากเครือข่าย
ปัจจุบันราคา Ethereum เคลื่อนไหวตามแนวโน้มโดยทั่วไปในตลาดสกุลเงินดิจิทัล และมีมูลค่าลดลงประมาณ 5% จากก่อนหน้านี้ นอกจากนี้สกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลกได้สูญเสียมูลค่ามากกว่า 17% ในเวลาเพียงสี่วัน นับตั้งแต่ระดับสูงสุดตลอดกาล (All-time high) เมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 2021 ราคา ETH ลดลงไปแล้วกว่า 45%
More Stories
Celsius ยื่นล้มละลายอย่างเป็นทางการแล้ว
รัสเซียเห็นชอบร่างกฎหมายการขุดเหมืองเหรียญคริปโตแล้ว
SK Telecom บริษัทโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่ของเกาหลีใต้ ประกาศเตรียมสร้างกระเป๋าเงิน Web 3