เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน Solana Foundation ได้เปิดเผยถึงรายงานด้านพลังงานประจำเดือนพฤศจิกายนที่ระบุว่า บล็อคเชน Solana เป็นหนึ่งในเครือข่ายที่เร็วที่สุดในการทำธุรกรรมคริปโต หลังจากที่งานวิจัยใหม่พบว่า การธุรกรรมบน Solana นั้นใช้พลังงานน้อยกว่าการค้นหาบน Google ถึงสองครั้ง และน้อยกว่าการใช้ที่ชาร์จโทรศัพท์อีกด้วย

รายงานได้กล่าวถึงความพยายามในการร่วมมือกันระหว่าง Solana Foundation และ Robert Murphy ที่ปรึกษาด้านพลังงานและสภาพอากาศ เพื่อประเมินผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมของการทำธุรกรรมที่ดำเนินการบน Solana พบว่าการทำธุรกรรมของ Solana 1 ครั้ง ใช้พลังงาน 0.00051 kWh หรือ 1,836 จูล ซึ่งเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากกว่าการค้นหาข้อมูลบน Google 2 ครั้ง (การค้นหาบน Google 1 ครั้ง ใช้พลังงานอยู่ที่ประมาณ 1,080 จูล)
และเมื่อเทียบกับข้อมูลอื่น ๆ พบว่า การทำธุรกรรมบน Solana ยังใช้พลังงานน้อยกว่าการชาร์จโทรศัพท์มือถือถึง 24 เท่า และใช้พลังงานน้อยกว่าการเปิดหลอดไฟ LED เป็นเวลาหนึ่งชั่วโมง ซึ่งกินพลังงานประมาณ 36,000 จูล

รายงานยังกล่าวเสริมอีกว่า เครือข่าย Solana ทั้งหมดใช้พลังงานเพียง 3,186,000 kWh ต่อปีเท่านั้น ซึ่งเทียบเท่าได้กับการใช้ไฟฟ้าเฉลี่ยมากถึง 986 ครัวเรือนในสหรัฐอเมริกา

Solana เป็นเครือข่ายแบบ Proof-of-Stake (PoS) จึงใช้พลังงานน้อยกว่ามากเมื่อเทียบกับเครือข่ายที่มีกลไกการขุดเพื่อดำเนินการธุรกรรมแบบ Proof-of-Work (PoW) อย่าง Bitcoin

ตามข้อมูลของ Statista พบว่า การทำธุรกรรมเดียวของบิทคอยน์ (BTC) ใช้พลังงานประมาณ 4,222,800,000 จูล ซึ่งแน่นอนว่าตัวเลขที่สูงนี้หากไม่ได้รับการกำกับดูแลและควบคุม อาจก่อให้เกิดวิกฤตด้านพลังงานในภายหลังได้

เพื่อแสดงถึงความุ่งมั่นในการใช้พลังงานที่ยั่งยืน Solana Foundation ยังระบุด้วยว่า ในสิ้นปีนี้ เครือข่ายจะมีการใช้โปรแกรมแบบใหม่ซึ่งจะทำให้ Solana กลายเป็นบล็อกเชนที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน (Neutral Cardon) ที่ทั้งอำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์หรือก๊าซเรือนกระจกสุทธิให้เป็นศูนย์นั่นเอง