Investing.com – ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อวันศุกร์ โดยได้แรงหนุนจากผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ขยับขึ้นหลังจากรายงานการจ้างงานรายเดือนที่ออกมาดีเกินคาดกระตุ้นความคาดหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐจะเริ่มปรับนโยบายให้เข้มงวดขึ้นในไม่ช้านี้

ดัชนีดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งวัดค่าเงินดอลลาร์เทียบกับตะกร้าถ่วงน้ำหนักการค้าของสกุลเงินหลัก 6 สกุล เพิ่มขึ้น 0.59% มาอยู่ที่ 91.69 เนื่องจากผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้น โดยอัตราผลตอบแทน 10 ผลตอบแทนมีแนวโน้มใกล้เคียงกับ 1.3%

“เรายังคงเห็นความเสี่ยงต่อการถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของธนาคารกลางสหรัฐก่อนหน้านี้ด้วยการประกาศลดมาตรการ QE ก่อนสิ้นปีและการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในปีหน้า” ไอเอ็นจีกล่าวในหมายเหตุ หลังจากรายงานการจ้างงานสหรัฐที่ออกมาดีเกินคาดเมื่อวันศุกร์

เศรษฐกิจสหรัฐฯ สร้างงานได้ 943,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. เหนือที่คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 870,000 ตำแหน่ง ขณะที่อัตราการว่างงานลดลงเหลือ 5.4% จาก 5.9%

รายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมงเพิ่มขึ้นเป็น 4% จาก 3.7% เนื่องจากนายจ้างถูกบังคับให้ขึ้นค่าแรงเพื่อดึงดูดแรงงานใหม่ท่ามกลางการขาดแคลนแรงงาน แนวโน้มของค่าจ้างที่เพิ่มขึ้นคาดว่าจะดำเนินต่อไป และอาจรักษาอัตราเงินเฟ้อให้สูงขึ้นได้นานขึ้น

หากเฟดไม่สามารถระงับอัตราเงินเฟ้อได้ ก็จะเสี่ยงต่อการดำเนินนโยบายผิด

“การฟื้นตัวของการจ้างงานกำลังมาถึงจุดที่เฟดจำเป็นต้องพิจารณาอย่างจริงจังในการลดการซื้อสินทรัพย์เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะเงินเฟ้อเกินกำลังโดยไม่จำเป็น” เศรษฐกิจมีความยืดหยุ่นมากขึ้นจากการระบาดของโรค นั่นเพิ่มความเสี่ยงของความผิดพลาดและความจำเป็นที่จะต้องระงับอัตราเงินเฟ้อที่ไม่ต้องการของเฟด ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ต้องทำในรอบหลายทศวรรษ

ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นหลังจากจุดต่ำสุดในเดือนพฤษภาคม แต่มีสัญญาณบางอย่างที่นักลงทุนหยุดเดิมพันขาขึ้นในดอลลาร์

สถานะซื้อสุทธิของนักเก็งกำไรในสกุลเงินดอลลาร์ถูกปรับลดลงในสัปดาห์ล่าสุด ตามการคำนวณของสำนักข่าวรอยเตอร์และสำนักงานคณะกรรมการกำกับการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ล่วงหน้าของสหรัฐที่เผยแพร่เมื่อวันศุกร์

มูลค่าของสถานะ Long Dollar สุทธิอยู่ที่ 2.11 พันล้านดอลลาร์ในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 3 ส.ค. เทียบกับการเดิมพันระยะยาวสุทธิ 2.99 พันล้านดอลลาร์ในสัปดาห์ก่อน