สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานว่า ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทปิดบวกเมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมา (22 มิถุนายน) เนื่องจากนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้คำมั่นว่าจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็ว ๆ นี้ ตามที่เงินดอลลาร์และราคาน้ำมันอ่อนค่าลงก่อนหน้านี้

ด้านโอเปกพลัสเริ่มหารือเพื่อเพิ่มกำลังผลิต หลังจากที่ราคาน้ำมันเบรนต์ขยับลงเล็กน้อย ซึ่งถือเป็นครั้งแรกตลอดระยะเวลากว่า 2 ปี ที่ราคาขยับเหลือต่ำกว่า 75 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนกรกฎาคม ลดลง 60 เซนต์ ปิดที่ 73.06 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอนงวดส่งมอบเดือนสิงหาคม ลดลง 9 เซนต์ ปิดที่ 74.81 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ เมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมา แนสแดค ทุบสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จากที่บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำหลายแห่งเริ่มกลับมาเติบโตอีกครั้ง และหลังความกังวลว่าเฟดจะปรับเปลี่ยนนโยบายทางการเงิน เริ่มลดน้อยลงไป

ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 68.61 จุด (0.20 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 33,945.58 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 21.65 จุด (0.51 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,246.44 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 111.79 จุด (0.79 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 14,253.27 จุด

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ดาวโจนส์ทำสถิติเป็นสัปดาห์ที่ย่ำแย่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคมปีก่อน จากความกังวลเกี่ยวกับนโยบายการเงิน หลังเฟดร่นกรอบเวลาในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

ความเคลื่อนไหวของตลาดทุน ฉุดราคาทองคำ ในฐานะสินทรัพย์เสี่ยงต่ำ ปิดลบเป็นวันที่ 3 ในรอบ 4 วันในวันอังคาร(22มิ.ย.) โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนสิงหาคม ลดลง 5.50 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,777.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์