Nike ผู้ผลิตรองเท้าและเครื่องแต่งกายประเภทกีฬากำลังเฟ้นหาดีไซน์สำหรับวัสดุเสมือนจริงที่เข้ากับโลโก้และสโลแกนอันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์เพื่อเตรียมตัวให้พร้อมก่อนก้าวเข้าสู่อาณาจักรเสมือนจริงอย่าง Metaverse
อ้างอิงจากข้อมูลในเอกสารที่ถูกส่งให้กับทางสำนักงานสิทธิบัตร และเครื่องหมายการค้าแห่งสหรัฐอเมริกา (The U.S. Patent and Trademark. Office –USPTO) เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ระบุว่าแบรนด์ชื่อดังได้ยื่นขออนุญาตใช้ swoosh หรือโลโก้ของแบรนด์ และสโลแกน “Just do it” บนแอปพลิเคชันเพื่อนำไปใช้บนสินค้าเสมือนจริงที่จะถูกนำไปวางขายตามบริการด้านความบันเทิง ร้านค้าปลีกต่างๆ โดยสามารถนำไปใช้ได้ทั้งบนแพลตฟอร์มออนไลน์ และโลกเสมือนจริง
นอกเหนือจากนั้นแล้ว ล่าสุดทางแบรนด์ยังได้ประกาศรับสมัครนักออกแบบวัสดุเสมือนจริงถึง 2 ตำแหน่งด้วยกัน ซึ่งพนักงานที่มีแนวโน้มจะได้เข้ามาร่วมทำงานกับทางแบรนด์จำเป็นจะต้องมีบทบาทสำคัญในการนิยามโลกเสมือนจริงขึ้นมาใหม่ และนำพาทุกคนเข้าไปสู่ Metaverse ให้ได้ สัญญาณเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าบริษัทกำลังวางรากฐานให้กับผลิตภัณฑ์เพื่อนำไปใช้ในโลกเสมือนจริงอย่างแน่นอน
ดูเหมือนว่าแบรนด์รองเท้ากีฬาชื่อดังจะพยายามบุกเปิดตัวในจักรวาลโลกเสมือนจริงมาสักพักแล้วก่อนที่ Facebook จะตัดสินใจแถลงการณ์รีแบรนด์เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 28 ตุลาคม ที่ผ่านมา
ก่อนหน้านี้ Nike ได้แอบค้นคว้าหาความรู้เกี่ยวกับ Non Fungible Token หรือ NFT และความเสี่ยงอื่นที่เกี่ยวข้องกับ Crypto อย่างลับๆ โดยในปี 2019 บริษัทได้ทำการจดสิทธิบัตรระบบเปลี่ยนรองเท้า CryptoKicks ให้กลายเป็นโทเค็นบนเครือข่ายบล็อกเชนของ Etheruem
อย่างไรก็ตามบริษัทนั้นมีคู่แข่งทางการค้าบางรายอยู่ใน Metaverse ซึ่งก็คือแบรนด์รองเท้า RTFKT Studios ซึ่งได้เปิดตัวรองเท้า และรองเท้าเสมือนจริงไปเป็นที่เรียบร้อย นอกจากนั้นยังได้รับการสนับสนุนด้วยการระดมทุนมูลค่ากว่า 8 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐจาก Andreessen Horowitz, Galaxy Digital และผู้สนับสนุนรายอื่นๆในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาด้วยเช่นเดียวกัน
แม้ว่าข้อเสนอของ Nike เกี่ยวกับโลกเสมือนจริงอาจไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาห่วงโซ่อุปทานที่เกิดขึ้นทั่วโลก แต่ทว่าบริษัทได้เผชิญกับปัญหาหลายด้าน ได้แก่ ปัญหาการส่งมอบผลิตภัณฑ์บนโลกปัจจุบัน รวมไปถึงการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ ปัญหาด้านพนักงาน และข้อจำกัดอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับการระบาดของโรค COVID-19 ซึ่งส่งผลกระทบต่อกระบวนการการทำงานของบริษัทค่อนข้างมาก จึงทำให้บริษัทตัดสินใจที่จะดำเนินการผลิตสินค้าบนโลกเสมือนจริงนั้นที่สำนักงานใหญ่ในรัฐโอเรกอนทั้งกระบวนการแทนฐานการผลิตหลักเดิม ซึ่งตั้งอยู่ที่ประเทศอินโดนีเซีย และเวียดนาม
More Stories
CEO FTX เตือนว่าเริ่มมีบริษัทคริปโตบางแห่งปกปิดปัญหาที่เกินเยียวยาแล้ว
Jason Phan อดีต CEO ของ TikTok ประกาศลาออก ผันตัวมาทำสตาร์ทอัพเกมด้านบล็อกเชน
มัลแวร์ PennyWise กำลังแพร่กระจายบน YouTube ซึ่งมันสามารถขโมยสกุลเงินดิจิทัลได้