พฤศจิกายน 24, 2024

ข่าวเศรษฐกิจ ข่าวหุ้น การเงิน การลงทุน ตลาดคริปโต ล่าสุดทั้งในไทยและทั่วโลก

CEO ของ Mining Capital Coin ฉ้อโกงคริปโตมูลค่า 62 ล้าน USD

Luiz Capuci Jr. ผู้เป็น CEO ของ Mining Capital Coin ถูกทางการมะกันฟ้องในข้อหาบงการ Crypto Ponzi Scheme ที่สร้างความเสียหายมูลค่ากว่า 62 ล้านดอลลาร์

กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ได้ยื่นฟ้อง Luiz Capuci Jr. ซีอีโอของ Mining Capital Coin เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (6 พฤษภาคม) ในโทษฐานวางแผนหลอกลวงนักลงทุนทั่วโลกให้สูญเงินมูลค่ากว่า 62 ล้านดอลลาร์

การฉ้อโกงคริปโตที่สั่นสะท้านไปทั่วโลก
กลโกงของ Luiz Capuci Jr. นั้นเริ่มต้นมาจากการที่เขาได้สร้างแพลตฟอร์มสำหรับการขุด และการลงทุนสกุลเงินดิจิทัลอย่าง Mining Capital Coin หรือเรียกสั้น ๆ ว่า MCC ขึ้นมา โดยเป้าประสงค์ของมันก็เพื่อนำมาหลอกลวงนักลงทุนด้วยการขาย “การลงทุนขุด” ที่พวกเขาจะนำเงินของนักลงทุนไปสร้างเหมืองคริปโต และสัญญาว่าจะสร้างผลกำไรได้มหาศาล

โดยบริษัทอ้างว่าพวกเขานั้นสามารถขุด Cryptocurrencies จำนวนมากได้อย่างรวดเร็วผ่านเครือข่ายลับเฉพาะของเหล่านักขุด Crypto ซึ่งคำหวานเหล่านี้ก็สามารถตุ๋นนักลงทุนได้มากกว่า 65,000 รายให้ตกเป็นเหยื่อนับตั้งแต่เดือนมกราคม 2561

นอกจากนี้ Capuci ยังเกลี้ยกล่อมนักลงทุนอีกว่า “Capital Coin” สกุลเงินดิจิทัลของ MCC นั้นทำงานที่ “ความถี่สูงมาก ซึ่งนั่นทำให้เหรียญดังกล่าวสามารถทำธุรกรรมได้หลายพันรายการต่อวินาที” โดย “บอทซื้อขาย BitConnect” และให้ผลตอบแทนรายวัน

หากอ้างอิงตามคำฟ้อง สิ่งที่ Luiz Capuci Jr กระทำนั้นถูกจัดว่าเป็นมันเป็น Ponzi Scheme ชั้นครูที่ซับซ้อนกว่าปกติ โดยนอกจากจะหลอกหาผู้สนับสนุนเพื่อขายแพ็คเกจการขุดแล้ว พวกเขายังได้ใช้ของรางวัลราคาแพง ไม่ว่าจะเป็น Apple Watch ไปจนถึงรถสปอร์ตเฟอร์รารี และอีกมากมาย มาจูงใจนักลงทุนให้หลงเชื่อด้วย

Ponzi Scheme คืออะไร?
Ponzi Scheme หรือการฉ้อฉลแบบพอนซี คือ รูปแบบการหลอกลวงการรลงทุนที่กล่าวอ้างว่าจะสามารถสร้างผลตอบแทนให้แก่นักลงทุนอย่างมหาศาลจากเงินที่ได้มาจากนักลงทุนรายใหม่ที่พึ่งเข้ามา ซึ่งหากให้อธิบายโดยง่ายแล้วล่ะก็… แชร์ลูกโซ่บ้านเราก็ถือเป็นหนึ่งในการฉ้อฉลรูปแบบนี้ โดยหัวใจหลักของมันก็คือการหลอกให้ผู้คนหน้าใหม่มาลงทุนเพิ่มอยู่เรื่อย ๆ นั่นเอง

ผลร้ายใหญ่หลวงจากการฉ้อโกง
ผู้ช่วยอัยการสูงสุด Kenneth A. Polite Jr. แผนกคดีอาญาของกระทรวงยุติธรรม ได้กล่าวถึงคดีข้างต้นนี้ว่า

“การลงมือฉ้อโกงในโลกคริปโตจะบ่อนทำลายตลาดการเงินทั่วโลก เนื่องจากผู้กระทำความผิดหลอกลวงนักลงทุน และจำกัดความสามารถของผู้ประกอบการที่ถูกกฎหมายในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ภายในพื้นที่ที่กำลังเติบโตนี้”