กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ (เพนตากอน) ยุบโครงการคลาวด์คอมพิวติ้ง “เจได” มูลค่าหมื่นล้านดอลลาร์ เพื่อยุติศึกระหว่างไมโครซอฟท์ที่คว้าสัญญาในยุคทรัมป์ กับแอมะซอน ที่กล่าวหาว่า การประมูลโครงการนี้มีอคติทางการเมือง และตามราวีฟ้องร้องไม่เลิกรา พร้อมกันนั้นก็ประกาศโครงการใหม่ที่จะเปิดโอกาสให้คู่กรณีทั้ง 2 ราย รวมถึงผู้เล่นอื่นๆ ร่วมประมูล

คำแถลงของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ที่ออกมาเมื่อวันอังคาร (6 ก.ค.) บอกยกเลิกโครงการระบบคลาวด์คอมพิวติ้งในชื่อ “จอยต์ เอนเตอร์ไพรส์ ดีเฟนส์ อินฟราสตรักเจอร์” (เจได) ซึ่งกำหนดให้มีผู้ชนะประมูลเพียงรายเดียว โดยอ้างเหตุว่าสืบเนื่องจากโครงการนี้ไม่ตอบสนองความต้องการปัจจุบันอีกต่อไป และกระทรวงจะเริ่มต้นกระบวนการเปิดประมูลใหม่แบบ “มัลติคลาวด์” ที่มีผู้ให้บริการหลายราย

ทั้งนี้ ปลายปี 2019 ไมโครซอฟท์เป็นผู้ชนะคว้าสัญญาการประมูลโครงการเจได และทำให้แอมะซอนยื่นฟ้องคัดค้านโดยกล่าวหาว่า ประธานาธิบดีในขณะนั้นคือ โดนัลด์ ทรัมป์ อาจมีอิทธิพลอย่างไม่เหมาะสมในการพิจารณาโครงการดังกล่าว

จอห์น เชอร์แมน โฆษกเพนตากอน แถลงวันอังคาร (6) ว่า แทนที่จะเดินหน้าโครงการเจไดต่อไป โดยที่การฟ้องร้องยังคาราคาซัง และเป็นอุปสรรคต่อการเดินหน้าโครงการ รัฐบาลจะล้างไพ่และเปิดประมูลใหม่เพื่อให้ได้เทคโนโลยีล้ำสมัยที่สุด เนื่องจากเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงไปมากนับตั้งแต่โครงการนี้หยุดชะงักสืบเนื่องจากการฟ้องร้อง

เขาเสริมว่า เพนตากอนจะเปิดให้ทั้งแอมะซอน ไมโครซอฟท์ รวมถึงผู้เล่นใหม่ๆ ที่มีศักยภาพ เช่น กูเกิล ออราเคิล ไอบีเอ็ม และบริษัทอื่นๆ ยื่นข้อเสนอสำหรับโครงการใหม่ที่มีชื่อว่า “จอยต์ วอร์ไฟเตอร์ คลาวด์ คาปาบิลิตี้” (เจดับเบิลยูซีซี) ซึ่งคาดว่า จะเริ่มต้นทำสัญญาชุดแรกในเดือนเมษายนปีหน้า และคาดหวังว่า ระบบคลาวด์คอมพิวติ้งใหม่จะเริ่มใช้งานได้ในปี 2025

โครงการเจไดระยะ 10 ปี ที่มีมูลค่า 10,000 ล้านดอลลาร์ ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้มีการแบ่งปันแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างหน่วยงานด้านการทหารทั้งหมดของอเมริกาผ่านระบบคลาวด์ที่อิงกับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ)

แอมะซอนกล่าวหาว่า ตนเองถูกกีดกันเนื่องจากความพยาบาทของทรัมป์ที่มีต่อบริษัทและเจฟฟ์ เบซอส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โดยอ้างอิงคำสั่งของทรัมป์ให้เพนตากอน “เขี่ยแอมะซอน” ให้พ้นจากโครงการเจได

ก่อนหน้านี้ แอมะซอนถูกมองว่า เป็นคู่แข่งที่มีศักยภาพมากกว่าในการนำเสนอเทคโนโลยีสำหรับเจได เนื่องจากแอมะซอน เว็บ เซอร์วิส (เอดับเบิลยูเอส) เป็นผู้นำในแวดวงคลาวด์คอมพิวติ้ง และยังให้บริการเซิร์ฟเวอร์จัดเก็บข้อมูลลับสำหรับหน่วยงานต่างๆ ของรัฐบาลสหรัฐฯ จำนวนมากอยู่แล้ว ซึ่งรวมถึงสำนักงานข่าวกรองกลาง (ซีไอเอ)

แอมะซอนเผยว่า เข้าใจและเห็นด้วยกับการตัดสินใจล่าสุดของเพนตากอน เนื่องจากสัญญาเก่า (เจได) ไม่ได้อิงกับความเหมาะสมของข้อเสนอโครงการ แต่เป็นผลจากอิทธิพลภายนอกซึ่งไม่ควรมีส่วนเกี่ยวข้องในการจัดซื้อของรัฐบาล

ทางด้านโทนี ทาวเนส-วิทนีย์ ประธานฝ่ายอุตสาหกรรมภายใต้การควบคุมของรัฐบาลสหรัฐฯ ของไมโครซอฟท์ โพสต์ว่า บริษัทเคารพและยอมรับการตัดสินใจของเพนตากอนเช่นเดียวกัน

ทั้งนี้ เชอร์แมนระบุว่า ไมโครซอฟท์สามารถยื่นเรื่องขอค่าดำเนินการโครงการเจไดคืนได้

แดน ไอเวส นักวิเคราะห์ของเว็ดบุช มองว่า ความเคลื่อนไหวของเพนตากอนเป็นการยุติดรามาที่ยืดเยื้อมาหลายปีและทำให้โครงการเจไดหยุดชะงัก

มาร์ก มอร์ดเลอร์ นักวิเคราะห์อาวุโสของเบิร์นสไตน์ สำทับว่า การยกเลิกโครงการเจไดและการเปิดประมูลโครงการใหม่จะเป็นผลดีสำหรับไมโครซอฟท์ เนื่องจากบริษัทซอฟต์แวร์ยักษ์ใหญ่แห่งนี้มีเวลาถึง 2 ปีระหว่างที่มีการฟ้องร้องในการลงทุนเทคโนโลยีคลาวด์คอมพิวติ้ง