เมื่อวันจันทร์ที่ 4 ตุลาคม เวลาประมาณ 15:16 น. UTC หรือเวลาประมาณ 22:16 น. ตามเวลาประเทศไทย ผู้ใช้งานกว่า 2,700 ล้านบัญชีทั่วโลกบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียและแพลตฟอร์มการสื่อสารอันดับหนึ่งของโลกในเครือของ Facebook ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Instagram, WhatsApp เจอกับปัญหาระบบล่มยกแผงเป็นเวลานานกว่าหลายชั่วโมง
เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้เกิดความผันผวนของตลาดคริปโตเคอร์เรนซี่อย่างกะทันหัน โดยราคาบิตคอยน์ได้พุ่งแตะระดับ 49,000 ดอลลาห์ รวมไปถึงเหรียญอื่น ๆ ก็ต่างปรับตัวขึ้นไปตามๆ กัน สวนทางกับตลาดหุ้นวอลสตรีทของสหรัฐฯ ร่วงลงอย่างหนัก ดัชนี S&P 500 ลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 10 สัปดาห์ ซึ่งต่ำกว่า 4,300 ท่ามกลางแรงเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีจากระบบที่ขัดข้องนั่นเอง โดยหุ้น Facebook ดิ่งลงมากกว่า 5% แตะระดับ 324.90 ดอลลาห์ ในวันจันทร์ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม การหยุดชะงักของ Facebook ที่เกิดขึ้นอาจเป็นบทเรียนและตัวอย่างที่ทำให้เราได้เห็นว่าระบบการให้บริการแบบรวมศูนย์สามารถสร้างผลกระทบมหาศาลได้อย่างไร และเป็นการตอกย้ำว่าทำไมเราถึงต้องการอินเทอร์เน็ตที่เปิดกว้าง กระจายอำนาจ และความครอบคลุมมากขึ้น โดยปราศจากการหยุดชะงักและมีระบบการป้องกันที่แข็งแกร่ง และบล็อกเชนอาจเป็นทางเลือกใหม่ในอนาคตที่ธุรกิจกำลังมองหา (cryptosiam, 2564)
More Stories
Celsius ยื่นล้มละลายอย่างเป็นทางการแล้ว
รัสเซียเห็นชอบร่างกฎหมายการขุดเหมืองเหรียญคริปโตแล้ว
SK Telecom บริษัทโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่ของเกาหลีใต้ ประกาศเตรียมสร้างกระเป๋าเงิน Web 3