ปริมาณธุรกรรมขนาดใหญ่ (LTV) หมายถึง ปริมาณการทำธุรกรรมสุทธิที่เป็นตัวกำหนดให้มูลค่าโทเคน ADA ของ Cardano พุ่งทะยานไปมากกว่า 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ โดยนับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ปีที่ผ่านมา LTV ได้เพิ่มขึ้นมาจาก 1.35 พันล้าน ADA ต่อวัน จนถึง 6.9 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (เทียบเท่ากับ 81.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) บน Cardano เมื่อวันจันทร์ที่ 28 มีนาคม ที่ผ่านมา เรียกได้ว่าเพิ่มขึ้นมากว่า 51 เท่า ภายในระยะเวลาเพียง 3 เดือนเท่านั้น และยังถือเป็นปริมาณที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ช่วงกลางปี 2018 ที่ผ่านมาอีกด้วย อ้างอิงจากโพสต์ทวิตเตอร์ของ IntoTheBlock เมื่อวันอังคารที่ 29 มีนาคม ที่ระบุว่าปริมาณธุรกรรมบน Cardano ที่เพิ่มสูงขึ้นนี้ได้ชี้ชัดว่าความต้องการของสถาบันการเงินยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องนั่นเอง
ในขณะเดียวกันตัวชี้วัดอื่น ๆ เช่น ขนาดการทำธุรกรรมโดยเฉลี่ย และความผันผวนของเหรียญก็ยังคงไม่มีความเคลื่อนไหวใด ๆ มากนัก แต่ทว่าปริมาณ Address ทั้งหมดที่มีนั้นกลับมีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ นับตั้งแต่ต้นปี 2022 โดยในปี 2022 นี้ได้เริ่มต้นขึ้นด้วยจำนวน Address ทั้งหมดกว่า 3.4 พันล้านแห่ง จนถึงปัจจุบันที่เติบโตขึ้นมาถึง 5 ล้านรายการ ในขณะที่ DApps หรือ Decentralized Application ที่อยู่บนเครือข่ายเพียง 7 รายการเท่านั้น ที่ปรากฏอยู่บน DefiLlama ในปัจจุบัน ทั้งนี้มูลค่าโดยรวมที่สินทรัพย์กักเก็บไว้ได้ (TVL) ในปัจจุบันคงอยู่ที่ 303 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งอ้างอิงจากการรายงานของ DefiLlama ผู้ให้บริการติดตามแอปพลิเคชัน DeFi ที่เพิ่งทะลายสถิติสูงสุดตลอดกาลไปเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 24 มีนาคม ที่ผ่านมา อยู่ที่ 326 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ทางด้าน Charles Hoskinson ผู้ร่วมก่อตั้ง Cardano ได้ออกมาระบุว่ายังคงมีสิ่งที่คาดไม่ถึงเกิดขึ้นอีกมากหลังจากการ Hard Fork หรือ การแยกเครือข่าย Blockchain ใหม่ออกจากเครือข่ายเดิมเพื่อทำการปรับปรุงระบบนับตั้งแต่ช่วงกลางปีที่ผ่านมา จนถึงช่วงกลางปีนี้ โดยเขาได้เริ่มออกแถลงการณ์พิเศษผ่านการประชุม Binance Blockchain Week ในดูไบ เมื่อวันจันทร์ที่ 28 มีนาคม ที่ผ่านมา พร้อมระบุถึงความจำเป็นสำหรับการกระจายอำนาจ และอุปสรรคต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นภายในสายงานดังกล่าวได้ นอกจากนี้เขายังมองว่าปัจจุบันทุกคนกำลังก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ที่มาพร้อมกับ Web3 แต่ปัญหาก็คือว่าเทคโนโลยีตัวนี้ไม่มีความคล้ายคลึงกับ Web2 เลย ซึ่งยังไม่มีใครที่จะเข้ามาทำหน้าที่เป็นผู้นำเพื่อตัดสินใจในเรื่องต่าง ๆ ให้กับอุตสาหกรรมเหล่านี้ได้
“หากพวกเราสามารถกระจายอำนาจได้อย่างแท้จริงก็จะสามารถแก้ปัญหาดังกล่าวร่วมกันได้อย่างแน่นอน สิ่งที่เราต้องทำก็แค่เพียงออกกฎหมายให้กับนวัติกรรมใหม่เหล่านี้ รวมไปถึงต้องตัดสินใจว่าอะไรคือนโยบายสำหรับสิทธิในการใช้คริปโตเคอเรนซี และเทคโนโลยี Blockchain ที่เหมาะสม”
More Stories
Celsius ยื่นล้มละลายอย่างเป็นทางการแล้ว
รัสเซียเห็นชอบร่างกฎหมายการขุดเหมืองเหรียญคริปโตแล้ว
SK Telecom บริษัทโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่ของเกาหลีใต้ ประกาศเตรียมสร้างกระเป๋าเงิน Web 3