เจ้าหน้าที่อาวุโสประจำธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่นเร่งกลุ่ม G7 หรือ ฟอรัมทางการเมืองระหว่างรัฐบาลประเทศแคนาดา, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, อิตาลี, สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา ให้กำหนดกรอบการกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลร่วมกันให้ได้โดยเร็วที่สุด หลังจากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย และยูเครนยังคงไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลงง่าย ๆ ส่งผลทำให้ทางญี่ปุ่นจำเป็นต้องพิจารณาถึงความเป็นไปได้ที่คริปโตเคอเรนซีจะถูกนำไปใช้เป็นเครื่องมือคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจให้มากขึ้นกว่าเดิม
Kazushige Kamiyama หัวหน้าระบบการชำระเงินแห่ง BOJ ได้ออกมาเปิดเผยกับทาง Reuters ว่า การนำ Stablecoin มาใช้นั้นทำให้การสร้างระบบการชำระเงินให้แก่ผู้คนทั่วโลกนั้นทำได้ง่ายมากยิ่งขึ้น ซึ่งส่งผลให้ประเทศต่าง ๆ ต้องการจะนำสินทรัพย์ประเภทดังกล่าวมาเป็นเครื่องมือหลีกเลี่ยงระบบชำระเงินในรูปแบบเดิม และระบบที่ถูกกำกับดูแลที่ยังคงใช้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ, ยูโร หรือ เยน ในการชำระเงินอีกด้วย
นอกจากนี้ Kamiyama ยังได้กล่าวเสริมว่า การตระหนักรู้ถึงความเร่งด่วน (Sense of Urgency) นั้นเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมาก ซึ่งหากกลุ่มประเทศ G7 ร่วมกันหารือด้านกฎหมายคริปโต และสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างมีประสิทธิภาพได้ ก็อาจจะช่วยทำให้สถานการณ์ต่าง ๆ ดีขึ้นกว่าปัจจุบันได้ เนื่องจาก ปัจจุบัน ยังคงไม่มีหน่วยงานจากประเทศใด เริ่มทำการพิจารณาถึงอัตราการยอมรับที่เติบโตเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และแพร่กระจายออกไปในวงกว้างทั่วโลกอย่างแท้จริง
ทางด้าน Haruhiko Kuroda ผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่นก็ได้ออกมาแถลงการณ์ผ่านที่ประชุม Japan’s FIN/SUM fintech summit เมื่อวันอังคารที่ 29 มีนาคม ที่ผ่านมา ระบุว่าธนาคารยังไม่ได้เตรียมที่จะเปิดตัว CBDC ในเร็ว ๆ นี้ พร้อมชี้แจงถึงแผนการพิจารณากำหนดบทบาทของธนาคารกลางให้สอดคล้องกับชีวิตของพลเมืองในประเทศอย่างรอบคอบ
“ธนาคารกลางมองว่าการดำเนินการดังกล่าวนั้นจำเป็นตะต้องมีการเตรียมการที่ละเอียดรอบคอบเพื่อตอบสนองต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างเหมาะสม เพื่อให้มั่นใจว่าภาพรวมของระบบชำระเงินเป็นไปอย่างมีเสถียรภาพ และประสิทธิภาพ”
คำแถลงการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเพียง 4 วันหลังจากทางธนาคารแห่งญี่ปุ่นประกาศเดินหน้าลุยทดสอบศักยภาพ CBDC ในขั้นตอนต่อไป ซึ่งในเฟสที่ 2 นั้นได้เริ่มดำเนินการไปแล้วในเดือนนี้ จึงทำให้ทางหน่วยงานเร่งให้มีการหารือร่วมกันระหว่างกลุ่มประเทศ G7 เพื่อหาทางออกให้กับกฎหมายคริปโตโดยเร็วที่สุด
การร่วมหารือถึงกำหนดกรอบการกำกับดูแลกฎหมายเหล่านี้ยิ่งกินเวลานานมากเท่าไร ก็จะยิ่งจะส่งผลกับกระบวนการออกแบบสกุลเงินดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลางแห่งประเทศญี่ปุ่น (CBDC) หรือ เยนดิจิทัลอย่างมากเท่านั้น ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ทางรัฐบาลจำเป็นจะต้องสร้างสมดุลระหว่างการรักษาความปลอดภัยให้กับผู้ใช้งานแต่ละราย ร่วมไปกับการระมัดระวังการก่อคดีฟอกเงิน และอาชญากรในคราบเจ้าหน้าที่รัฐ (White-collar Crime) ไปพร้อม ๆ กัน
More Stories
Celsius ยื่นล้มละลายอย่างเป็นทางการแล้ว
รัสเซียเห็นชอบร่างกฎหมายการขุดเหมืองเหรียญคริปโตแล้ว
SK Telecom บริษัทโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่ของเกาหลีใต้ ประกาศเตรียมสร้างกระเป๋าเงิน Web 3